ลดน้ำหนัก 43 กก. ภายในเวลา 9 เดือน โบกมือลาข้าว 3 ทัพพี ที่เคยกินไปได้เลย
บางทีการจะทำอะไรให้สำเร็จสักอย่าง อาจจะต้องอาศัยความเชื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ลดน้ำหนักก็เช่นกัน ใครจะไปคิดว่าเด็กที่อ้วนตั้งแต่เกิด จะลดน้ำหนักไปได้กว่า 43 กก. ถ้าวันนั้นมัวแต่คิดว่าไม่มีวันผอม ก็คงไม่มีเรื่องราวดีๆ แบบนี้ ให้ได้อ่านกันแน่นอน

อ้วนตั้งแต่จำความได้
ก่อนที่จะลดน้ำหนักเราหนักประมาน 115 กก. ค่ะ ตอนนี้หนัก 72 กก. เราเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็กค่ะ จำความได้ก็อ้วนมาตลอด หลายๆ คนบอกให้ลดน้ำหนัก ทำไมปล่อยให้อ้วนขนาดนี้? ไม่อยากผอมเหมือนคนอื่นเขาบ้างหรอ? เราโดนมาตลอดค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจฟัง เพราะเมื่อก่อนเป็นคนไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งตัวเลย ปล่อยตัวมาตลอด เราคิดว่าเรามีความสุขกับการกิน เราไม่จำเป็นต้องสนใจอย่างอื่น แค่นี้เราก็มีความสุขอยู่แล้ว ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริงๆ

จุดเปลี่ยน ลดความอ้วน
เรามาเริ่มลดน้ำหนักตอนช่วงปลายเดือนเม.ย. 60 หลังกลับมาจากไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อนค่ะ คือเพื่อนเราเนี่ย มีแต่คนตัวเล็กๆ แต่ละคนนี่ไซต์ ss กันเลยทีเดียว มีแค่เราตัวใหญ่อยู่คนเดียว ตอนไปเที่ยวเพื่อนๆ เราซื้อเสื้อผ้าน่ารักๆกลับมากันเต็มเลย แต่เราหาใส่ไม่ได้เลย ถ่ายรูปมาก็ดูตัวใหญ่กว่าคนอื่นแบบชัดเจนมาก เพื่อนเราสองคนนี่ยังตัวเล็กกว่าเราคนเดียวอีกค่ะ (หัวเราะ) พอกลับมานั่งดูรูปเราก็เลยคิดว่าเราจะเริ่มลดน้ำหนักจริงจัง ไปเที่ยวรอบหน้าเราต้องผอมลงให้ได้!!!! นั่นคือจุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนักของเราค่ะ

จากเดิมกินข้าวมื้อละ 3 ทัพพี!!!
เราเริ่มจากการเริ่มนับแคลอรี่ในแต่ละวันค่ะ เรากินไม่เกิน 1,200 kcal ต่อวัน เรากินโปรตีนเป็นหลัก มีผักบ้าง แต่ละมื้อจะทานข้าวไม่เกิน 1-2 ทัพพี ทุกอย่างที่เรากินเราจะนับแคลอรี่ทุกอย่างเลยค่ะ แม้แต่คำเดียวก็นับ เมื่อก่อนเราเป็นคนติดกินข้าวมากๆ มื้อนึงต้องมี 3 ทัพพี กับข้าวเราไม่เน้น แต่เราเน้นข้าวค่ะ ขนมนี่เราไม่แตะเลย โชคดีที่เราเป็นพวกไม่ติดขนมอยู่แล้ว ทำอยู่แบบนี้ประมานเกือบ 2 เดือน พอถึงมิ.ย. 60 เราก็ถึงเวลาไปเที่ยวอีกรอบค่ะ ก็ยังดูอ้วนอยู่ดี แต่ก็ถือว่าลดลงมาเยอะอยู่ประมาณ 20 กก.

เดินหน้าลดต่อไป ไม่หยุด!
เราก็ยังไม่เลิกที่จะลดน้ำหนักนะคะ ประจวบกับหลังกลับมาจากไปเที่ยวเกาหลี ได้ย้ายออกมาอยู่กับเพื่อนพอดี แล้วที่คอนโดที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เขามีฟิตเนส เลยเริ่มหันมาออกกำลังกายค่ะ เริ่มต้นจากการปั่นจักรยาน เพราะเป็นคนไม่ชอบวิ่ง แรกๆ ก็ปั่นจักรยาน 30 นาที พอเริ่มชินก็เพิ่มเวลาเป็น 1 ชั่วโมง ระหว่างนี้ยังควบคุมอาหารอยู่นะคะ
แต่เราเป็นพวกติดกินบุฟเฟต์ วันไหนที่เราทานบุฟเฟต์เนี่ย วันนั้นทั้งวันเราทานแค่มื้อเดียวเลย ถ้าดึกๆ หิวเราจะทานเป็นโยเกิร์ตหรือผลไม้พวกที่ไม่หวานแทนค่ะ นับจริงๆ เราทานบุฟเฟต์อาทิตย์ละครั้งเลยเผลอๆมากกว่าด้วย เลิกไม่ได้จริงๆ ค่ะ นี่อาจเป็นเหตุผลที่เราลดได้ช้าก็ได้มั้งคะ เราทำอยู่แบบนี้ประมาน 1 เดือน แล้วก็เพิ่มบอดี้เวทก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงค่ะ เป็นเวท 1 ชั่วโมง + ปั่นจักยาน 1 ชั่วโมง เราออกแบบนี้เกือบทุกวันค่ะ ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ จนเราไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกรอบเดือนตุลาคมเราน้ำหนัก 85 ค่ะ (หลังๆน้ำหนักเริ่มลงยากกว่าช่วงแรกๆมาก)

ช่วงหลังเราไม่ค่อยได้ออกกำลังกายบ่อยเท่าเดิม ลดลงมาเหลือ 3 วัน ต่ออาทิตย์ไม่ได้ควบคุมอาหารเคร่งเหมือนก่อนหน้านี้ด้วย แต่ใช้วิธีลดแบบ Intermittent Fasting คือการอดอาหารเป็นช่วงๆ คือเราอดอาหาร ไม่กินอะไรที่มีแคลอรี่เลยประมาณ 16 ชั่วโมง แล้วสามารถกินอะไรก็ได้ในเวลา 8 ชั่วโมง โดยเราจะกินไม่เกิน 1,200 kcal ต่อวัน แต่ไม่ให้ต่ำกว่า 1,000 kcal เพื่อไม่ให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะขาดแคลนอาหาร ผ่านมา 9 เดือน น้ำหนักลดไป 43 กก. น้ำหนักที่ชั่งล่าสุดคือ 72 กก. จาก 115 กก. และยังคงตั้งใจว่าจะลดต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ





ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลจาก Sawako
Post a Comment